สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 นอกจากนี้ นักลงทุนเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจแล้ว ยังจะช่วยให้ความต้องการพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมัน NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.49 - 86.43 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.52 เซนต์ ปิดที่ 2.3731 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.91 เซนต์ ปิดที่ 2.1771 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 88 ดอลลาร์/บาร์เรล
แม้นักลงทุนในตลาดน้ำมัน NYMEX ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าคณะกรรมการเฟดจะใช้มาตรการ QE2 แต่จนถึงขณะนี้นักลงทุนยังคงขานรับมาตรการดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวและหนุนความต้องการพลังงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย โดยสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นทันทีที่เฟดตัดสินใจใช้มาตรการ QE2 ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อเดือนละ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว
มาตรการ QE2 ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงตลาดน้ำมันดิบ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะช่วยให้นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆสามารถซื้อสัญญาน้ำมันดิบได้ในราคาที่ถูกลง
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินสัปดาห์ที่แล้วซึ่งร่วงลง 2.69 ล้านบาร์เรล แตะที่ 212.25 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล รวมทั้งรายงานที่ว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐขยายตัว 2.1% แตะระดับ 4.2 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว
ตลาดน้ำมัน NYMEX ไม่ได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ต.ค.พุ่งขึ้น 20,000 ราย แตะระดับ 457,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 443,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 434,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนต.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 95,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 9.6%