สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานให้ปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัดเพราะตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange ) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 87.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังเคลื่อนตัวในช่วง 85.96-87.49 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.29 เซนต์ ปิดที่ 2.3977 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 0.15 เซนต์ ปิดที่ 2.1785 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค. ดีดขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 88.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นทำนิวไฮในระหว่างวันที่ 87.49 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะทำให้ความต้องการพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยเมื่อวานนี้คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 98.1 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ที่ระดับ 97.3 จุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในอีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
การเปิดเผยดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด มีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยอัตราการจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งสูงขึ้น 159,000 ตำแหน่ง สามารถชดเชยตัวเลขจ้างงานภาครัฐที่ปรับตัวลดลง 8,000 ตำแหน่งได้ นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานที่มีการเปิดเผยออกมาล่าสุดนี้ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 พ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย., รายงานราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.