สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้นแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้าก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดขาดดุลการค้าและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ปรับตัวลดลงเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.81 - 86.70 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.52 เซนต์ ปิดที่ 2.4419 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.12 เซนต์ ปิดที่ 2.2362 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 63 เซนต์ ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์หดตัว และคาดว่าดีมานด์พลังงานจะยังคงดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจยังซบเซาก็ตาม
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 พ.ย.ร่วงลง 3.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 364.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 1.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 210.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นที่รวมถึงฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ร่วงลง 5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 159.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 6 พ.ย.ร่วงลง 24,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 435,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 450,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.40 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่าจะอยู่ที่ 4.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยให้สหรัฐสามารถส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3