ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดลบ 2 เซนต์หลังนักวิเคราะห์คาดสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 16, 2010 07:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะดีมานด์พลังงานหดตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกและสต็อกสินค้าคงคงภาคธุรกิจที่ขยายตัวเกินคาด

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 84.60 - 85.77 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออย์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.77 เซนต์ ปิดที่ 2.3709 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.49 เซนต์ ปิดที่ 2.1950 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 86.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ย.ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะรายงานในวันพุธนั้น จะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม คาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 800,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.6%

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่ารัฐบาลจีนอาจใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงิน หลังจากหนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซิเคียวริตีส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายหม่า เต๋อหลุน รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ว่า จีนอาจจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายด้านการเงิน เพื่อสกัดกั้นกระแสเงินเก็งกำไร และป้องกันกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ โดยเครื่องมือที่จีนคาดว่าจะนำมาใช้นั้น ครอบคลุมถึงการกำหนดเพดานสำรองสภาพคล่อง การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการดำเนินการในตลาดเปิด

นอกจากนี้ นายหม่ากล่าวว่า ธนาคารกลางจีนจะติดตามดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากยอดขายยานยนต์และวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น โดยยอดขายยานยนต์พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ยอดขายวัสดุก่อสร้างขยายตัวขึ้น 1.9%

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่ยอดขายในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ในยามที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับความไม่แน่นอนก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ