สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 83 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลปรับตัวสูงขึ้นในเดือนต.ค. นอกจากนี้ จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงเกินคาดยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.61 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ระดับ 83.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.59 เซนต์ ปิดที่ 2.3255 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.94 เซนต์ ปิดที่ 2.2136 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนาแน่นหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย โดยเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 0.4% และรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 5.76 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 0.5% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
ขณะที่ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐได้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักด้วยเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. ร่วงลง 34,000 ราย แตะระดับ 407,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ก.ค.2551 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 435,000 ราย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 1.03 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 358.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.91 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 209.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐยังสามารถจำกัดแรงกดดันจากรายงานที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ร่วงลง 3.3% ทำสถิติร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากภาคธุรกิจวางแผนลดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าทุน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 เป็นขยายตัว 2.5% ต่อปี จากการประมาณการครั้งก่อนที่ 2.0% ต่อปี เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดการส่งออก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และตัวเลขการใช้จ่ายภาคเอกชน