สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) หลังจากสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานว่า ชาวอเมริกันออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับข่าวสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่อนุมัตวงเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือไอร์แลนด์
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.35% ปิดที่ 85.73 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัว ในช่วง 83.59-85.83 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออย์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.19 เซนต์ ปิดที่ 2.3581 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.43 เซนต์ ปิดที่ 2.2846 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นขานรับรายงานของ NRF ที่ระบุว่า จำนวนประชาชนที่ออกมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 8.7% แตะ 212 ล้านคน ขณะที่ยอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 365.34 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ NRF ประเมินว่า ยอดการใช้จ่ายของประชนในช่วงแบล็ค ฟรายเดย์ หรือวันเริ่มต้นของฤดูการจับจ่าย มีมูลค่าสูงถึง 4.5 หมื่นล้าน ซึ่งเทศกาลดังกล่าวถือเป็นความหวังของร้านค้าปลีกในการทำยอดขายก่อนสิ้นปี เนื่องจากผู้บริโภคจะออกมาเลือกซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ไอเอ็มเอฟและอียูอนุมัตวงเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับไอร์แลนด์ เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์การเงินลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซน รวมถึงโปรตุเกส และเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นที่มีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในยูโรโซน โดยไอร์แลนด์จะต้องทำตามมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 4 ปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านยูโร (2.0 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งรวมถึงการลดงบประมาณด้านสวัสดิการสังคม 2.8 พันล้านยูโร
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ในปี 2553 เป็น 1.7% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.9%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 900,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ชิคาโกเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. และ ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.