สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรยังกระตุ้นให้นักลงทุนแห่เทขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนักด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.62 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 84.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 84.02 - 85.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.ลดลง 4.12 เซนต์ ปิดที่ 2.3169 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนธ.ค.ลดลง 1.94 เซนต์ ปิดที่ 2.2652 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนยังคงเทขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความกังวลที่ว่า วิกฤตหนี้สาธารณะอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในยุโรปและจะทำให้ความต้องการพลังงานในภูมิภาคแห่งนี้หดตัวลงด้วย โดยกระแสคาดการณ์ในตลาดบ่งชี้ว่า สเปนและโปรตุเกสอาจเป็นประเทศถัดไปที่จะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากที่ไอร์แลนด์ได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้วก่อนหน้านี้
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งสหรัฐ (AAA) บ่งชี้ว่า ราคาน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการทั่วสหรัฐเมื่อคืนนี้ อยู่ที่ระดับ 2.854 ดอลลาร์/แกลลอน ซึ่งลดลงเกือบ 2 เซนต์จากสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ที่ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ร่วงลง 0.7% ในเดือนก.ย. หลังจากนโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกได้หมดอายุลง
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 400,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 900,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.4%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. และ ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.