สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 89 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวแข็งแกร่งของสหรัฐ และการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.28 เซนต์ ปิดที่ 2.4874 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนม.ค.ลดลง 0.32 เซนต์ ปิดที่ 2.3521 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ ปิดที่ 91.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.4% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป
ตลาดน้ำมัน NYMEX ได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐที่ว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในปลายปีนี้ และจะพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าของสหรัฐ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของเทศกาลขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐในเดือนพ.ย.ขยายตัวสู่ระดับ 55.0 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสดในรอบ 6 เดือน และทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11
ภาคบริการที่ขยายตัวแข็งแกร่งและสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น หลังจากที่สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงในช่วงเช้าเพราะถูกกดดันจากตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด 39,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 9.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 9.6%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ที่ประเทศเอกวาดอร์ หลังจากรมว.พลังงานของแองโกลาและเวเนซูเอลา คาดการณ์ว่า โอเปคจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้ที่ 24.845 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมครั้งนี้