นายอับดุลเลาะห์ บิน ฮาหมัด อัล-อัตติยะห์ รมว.พลังงานของกาตาร์กล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งชี้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะปรับเปลี่ยนโควต้าการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมวันเสาร์นี้ แม้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างมากก็ตาม
นายอัล-อัตติยะห์กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยอุปสงค์-อุปทาน ส่วนสต็อกน้ำมันทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปยังคงเป็นไปอย่างผันผวน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เขาเชื่อว่า ความต้องการน้ำมันจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดยเฉพาะในยุโรปและภูมิภาคอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันที่สูงมากยังสะท้อนให้เห็นว่าอุปทานน้ำมันอาจมีอยู่มากเกินไป
ขณะที่นายมูฮัมหมัด อาลี คาติบี รมว.พลังงานอิหร่าน กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ชานาของอิหร่านว่า ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เมื่อพิจารณาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงในขณะนี้ แต่ในเรื่องนี้ รมว.พลังงานกาตาร์มองว่า ราคาน้ำมันที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลถือเป็นราคาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ผลิตและผู้ใช้น้ำมัน
กลุ่มโอเปคซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้ร้อยละ 40 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก จะจัดประชุมวิสามัญครั้งที่ 158 ที่เมืองกีโต ประเทศเอกวาดอร์ในวันเสาร์ที่ 11 ธ.ค.นี้ โดยรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคจะหารือกันว่าควรจะคงโควต้าการผลิตในปัจจุบันที่ 24.845 บาร์เรล/วันหรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนม.ค.ที่ตลาดนิวยอร์กลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 88.28 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันกลั่นในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล แตะที่ 160.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล แตะที่ 214.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล