สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงเพดานการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ความต้องการพลังงานในจีนจะเพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 88.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.44 - 89.49 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ ปิดที่ 91.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ประชุมโอเปคครั้งล่าสุดซึ่งจัดขึ้นที่เอกวาดอร์เมื่อวัน 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีมติคงเพดานการผลิตไว้ที่ 24.845 บาร์เรล/วัน นอกจากนี้ โอเปคยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้อีก 200,000 บาร์เรล/วัน เป็น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศใช้ นอกจากนี้ สภาพอากาศหนาวเย็นในทวีปยุโรปยังส่งผลให้ปริมาณการใช้ฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.
ขณะเดียวกันโอเปคคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2554 จะอยู่ที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ความต้องการพลังงานในประเทศจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 13.3% และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ทะยานขึ้น 18.7% แตะระดับ 1.39 ล้านล้านหยวน (2.081 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. พร้อมกับจับตาดูตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%