ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดลบ 33 เซนต์ หลังเฟดระบุศก.สหรัฐฟื้นตัวช้า

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 15, 2010 06:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวไม่มากพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลงได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมของตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ของสหรัฐที่ขยายตัวเกินคาด

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 33 เซนต์ ปิดที่ 88.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.27 เซนต์ ปิดที่ 2.4679 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 2.20 เซนต์ ปิดที่ 2.2964 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ขยับขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 91.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดออกแถลงการณ์ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการฟื้นตัวยังไม่มากพอที่จะทำให้จำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลงได้ ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของสหรัฐเพิ่มขึ้นปานกลาง แต่ยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่สูงมาก ส่วนรายได้ของประชาชนขยายตัวปานกลาง ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงซบเซา และภาคเอกชนยังคงเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก"

ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25% และยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ มูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเป้าหมายที่จะเสริมสร้างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรับมือกับปัญหาอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้ปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ขยายตัว 0.8% จากเดือนต.ค. แตะที่ระดับ 3.787 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.6% เนื่องจากยอดขายอาหาร เสื้อผ้า และสินค้ารายการอื่นๆ เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง

รายงานประจำสัปดาห์ของ SpendingPulse ระบุว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ลดลง 1.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ย.

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดย บิสิเนส ราวด์เทเบิล ซึ่งเป็นสมาคมผู้บริหารบริษัทชั้นนำของสหรัฐระบุว่า กว่า 45% ของผู้บริหารที่ตอบรับการสำรวจได้วางแผนที่จะเพิ่มการจ้างานและตัวเลขการใช้จ่ายในอีก 6 เดือนข้างหน้า

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันพุธ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. พร้อมกับจับตาดูตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้เช่นกัน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ