สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 88.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.83 - 89.09 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.56 เซนต์ ปิดที่ 2.4835 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.28 เซนต์ ปิดที่ 2.3092 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 99 เซนต์ ปิดที่ 92.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ธ.ค.ร่วงลง 9.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 346.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 161.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 214.8 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 0.5% แตระดับ 88.0%
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับเครดิตขั้น Aa1 ของสเปน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืม ตัวเลขขาดทุนในภาคธนาคาร และยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.57 จุด จากเดือนต.ค.ที่ระดับ -11.14 จุด ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3 ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.