สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่ำกว่าระดับ 88 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 92 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 87.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.63 - 88.65 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนม.ค.ลดลง 0.72 เซนต์ ปิดที่ 2.4763 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 0.49 เซนต์ ปิดที่ 2.3043 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 49 เซนต์ ปิดที่ 91.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบเนื่องจากความกังวลที่ว่า ที่ประชุมผู้นำยุโรปที่เมืองบรัสเซลล์ในวันนี้อาจจะไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากกลุ่มผู้นำของเยอรมนี รวมถึงนางแองเกลา แมร์เคล ได้คัดค้านแผนการเพิ่มวงเงินในกองทุนกู้ยืมฉุกเฉินซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 7.50 แสนล้านยูโร และแผนการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลยุโรป
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปรุนแรงมากขึ้นเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสเปนยังคงเดินหน้านำพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 15 ปี ออกมาจำหน่ายเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ถึง 3 พันล้านยูโร (4 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ วิกฤตหนี้ยุโรปได้บดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานสัปดาห์ที่แล้วลดลง 3,000 ราย แตะระดับ 420,000 ราย ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลงแตะระดับ 422,750 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 และทำสถิติลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการก่อสร้างบ้านในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 3.9% แตะระดับ 555,000 หลัง หลังจากปรับตัวลดลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 10 ธ.ค.ร่วงลง 9.9 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 346.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล แตะระดับ 214.8 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 0.5% แตระดับ 88.0%