สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยื่นร่างกฎหมายขยายโครงการลดหย่อนภาษีมูลค่า 8.58 แสนล้านดอลลาร์ออกไปอีก 2 ปีให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้จุดประกายความหวังว่า อุปสงค์น้ำมันจะขยายตัวขึ้นในช่วงต้นปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 88.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.01 - 88.52 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนม.ค.ลดลง 0.26 เซนต์ ปิดที่ 2.4737 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.35 เซนต์ ปิดที่ 2.3178 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 91.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายขยายโครงการลดหย่อนภาษีที่โอบามาลงนามบังคับใช้นั้นจะมีผลกับการลดหย่อนภาษีภาคธุรกิจหลายรายการ ซึ่งจะเอื้อให้เกิดการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ
นอกจากนี้ การขยายโครงการลดหย่อนภาษียังช่วยสร้างปัจจัยหนุนให้กับตลาดน้ำมัน ซึ่งเทรดเดอร์เชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันเบนซิน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์
ขณะเดียวกัน ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีขึ้นด้วย โดยสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากที่กระเตื้องขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค.
เคน โกลด์สเตน นักวิเคราะห์จากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีชีวิตชีวาในช่วงปลายปีนี้ โดยดัชนีชี้นำภาพรวมเศรษฐกิจล้วนบ่งชี้ถึงภาวะการฟื้นตัวหลังผ่านพ้นภาวะชะลอตัวในฤดูหนาว แต่ถึงกระนั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดแรงงานจะยังคงเผชิญกับภาวะซบเซาต่อไปในระยะกลาง