สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐและยุโรปทำให้นักลงทุนคาดว่า ความต้องการพลังงานจะเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์คาดว่า ความต้องการพลังงานในประเทศจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 88.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.26 - 88.98 ดอลลาร์
*สัญญาน้ำมันดิบเดือนม.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเดือนก.พ.ดีดตัวขึ้น 77 เซนต์ ปิดที่ 89.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.58 เซนต์ ปิดที่ 2.4895 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ปิดที่ 2.3778 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับ 89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากรายงานสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐและยุโรป ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย
รายงานระบุว่า ยุโรปและภูมิภาคฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐกำลังถูกกระทบอย่างหนักจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า อุณหภูมิในภูมิภาคเหล่านี้จะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คาดว่า ภูมิภาคตอนกลางและตะวันออกของเอเชียจะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อว่าจะเกิดภาวะตึงตัวด้านอุปทาน หลังจากมีข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันบางแห่งในไนจีเรีย และข่าวความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากกองทัพเกาหลีใต้ประกาศซ้อมรบทางทหารโดยใช้กระสุนจริงเมื่อวานนี้ รวมทั้งข่าวที่ว่าท่อส่งน้ำมันของปิโตรเลออส เม็กซิคานอส (Pemex) ระเบิดในเม็กซิโก จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 27 คน และบาดเจ็บอีก 52 คน
นอกเหนือจากปัจจัยด้านสภาพอากาศแล้ว นักลงทุนยังเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากนักวิเคราะห์ของแพลทส์คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันในประเทศจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2553 และ 2554 หลังจากปริมาณการใช้น้ำมันในภูมิภาคอเมริกาเหนือและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดยเฉพาะจีน ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ IEA คาดว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2554 จะอยู่ที่ 88.8 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 260,000 บาร์เรลจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าความต้องการน้ำมันในปี 2553 จะอยู่ที่ 87.4 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรลจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%
*ตลาดน้ำมัน NYMEX จะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 24 ธ.ค.นี้ เนื่องในวันคริสต์มาส