สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐได้กระตุ้นให้ความต้องการเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันฮีทติ้งออยล์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กถูกกดดันจากรายงานราคาบ้านและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 91.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 90.75 - 91.67 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.5243 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.53 เซนต์ ปิดที่ 2.4056 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนซึ่งส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 94.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความต้องการเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐ โดยมีรายงานว่าหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 60 ปีได้ทำให้การจราจรทางอากาศของนิวยอร์กต้องเป็นอัมพาต นอกจากนี้ พายุหิมะรุนแรงที่พัดถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกายังส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลายพันคนต้องติดค้างอยู่ที่สนามบิน ขณะที่พยายามจะเดินทางกลับบ้านหลังจากช่วงวันหยุดเทศกาลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักงานบริการด้านสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ รายงานว่า สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์กในมหานครนิวยอร์กมีหิมะตกหนักสูงถึง 20 นิ้ว (ประมาณ 50 เซนติเมตร) ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งมากที่สุดสำหรับเดือนธันวาคม นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2491
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดน้ำมันนิวยอร์กถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองขนาดใหญ่ทั่วสหรัฐ รวมถึงนิวยอร์ก ไมอามี และบอสตัน ร่วงลง 1.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนก.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะซบเซา
ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ร่วงลงสู่ระดับ 52.5 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงที่สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะร่วงลง 2.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะพุ่งขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.2%