เมื่อวานนี้ศูนย์ข้อมูลธัญญพืชและน้ำมันพืชแห่งชาติของจีน (CNGOIC) ประกาศตรึงตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าว และเรปซี้ดประจำปี 2553 ไว้เท่าเดิมจากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคม
โดย CNGOIC คาดการณ์ว่าจีนจะผลิตข้าวโพดได้ 172.5 ล้านเมตริกตัน, ข้าว 199 ล้านตัน และถั่วเหลือง 15.2 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 5%, 2% และ 1.5% เมื่อเทียบรายปีตามลำดับ
ส่วนผลผลิตข้าวสาลีคาดว่าจะทรงตัวที่ 115 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตเรปซี้ดคาดว่าจะร่วงลง 7.7% แตะที่ 12.6 ล้านตัน
-- สำนักงานเครือข่ายฝ้ายแห่งประเทศจีน (Cncotton) เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาโดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมศุลกากรว่า จีนนำเข้าฝ้าย 461,700 เมตริกตันในเดือนธันวาคม 2553 ทะยานขึ้น 113% เมื่อเทียบรายปี และพุ่งขึ้น 266% เมื่อเทียบรายเดือน
สำหรับตลอดปี 2553 จีนนำเข้าฝ้าย 2.84 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบรายปี
ตามปรกติแล้วกรมศุลกากรมักเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายฝ้ายอย่างเป็นทางการประมาณวันที่ 20 ของทุกเดือน
Cncotton รายงานว่าพื้นที่ปลูกฝ้ายในจีนอาจเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 5.4 ล้านเฮคเตอร์ในปี 2554 ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 12 (2554-2558) ของรัฐบาลจีน
-- บรรษัทคลังสำรองฝ้ายแห่งชาติ (CNCRC) ของรัฐบาลจีน ประกาศเตือนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าราคาฝ้ายในตลาดจีนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเพราะแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ การเก็งกำไร และตลาดโลกที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ พร้อมย้ำว่าการควบคุมราคาฝ้ายยังคงเป็นเรื่องยาก
สองปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ราคาฝ้ายปรับตัวสูงขึ้นคือการที่ผู้ผลิตฝ้ายและดีลเลอร์ลังเลที่จะขายฝ้ายในตอนนี้ เนื่องจากคาดว่าจะขายฝ้ายได้ราคาดีกว่าหลังวันตรุษจีนซึ่งตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ รวมถึงยอดสั่งซื้อฝ้ายจากโรงงานสิ่งทอ ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ผู้ซื้อหลายรายเสนอราคาสูงขึ้น
-- เมื่อวันอังคารที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนเรียกร้องให้มีการรักษาเสถียรภาพการผลิตปุ๋ยเพื่อให้มั่นใจว่ามีอุปทานเพียงพอในช่วงการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลินี้
การปรับภาษีส่งออกปุ๋ยในปี 2554 ส่งผลให้ผู้ผลิตปุ๋ยในจีนขาดความกระตือรือร้นในการผลิต โดยอัตราการผลิตปุ๋ยอยู่ที่เพียง 73.3% ในฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงที่มีการผลิตสูงสุด สำนักข่าวซินหัวรายงาน