นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดถึงความคืบหน้าในการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จากต่างประเทศ จำนวน 30,000 ตัน เพื่อนำมาชดเชยสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศที่มีไม่เพียงพอ ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ประสานกับโรงกลั่นน้ำมันในประเทศในการนำเข้า ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของโรงกลั่นว่า มีความพร้อมในการรับซื้อเมื่อใด แต่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.นี้
ด้านนายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการ อคส. เปิดเผยว่า มีเอกชนเสนอราคาเข้ามาแล้ว 3 ราย นำเข้าจาก 2 แหล่ง คือ อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ราคาต่อรองล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 36.50 บาท เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะมีผู้เสนอราคาเข้ามาเพิ่มเติมอีก 4-5 ราย ทำให้การเจรจาต่อรองราคานำเข้าในครั้งที่ 2 และ 3 น่าจะได้ราคาต่ำลงอีก
"น่าจะเป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซีย เพราะเป็นแหล่งผลิตปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกอบกับแหล่งผลิตใหญ่อยู่ใกล้ไทย ค่าใช้จ่ายในการขนส่งจึงไม่แพง"
ส่วนจะสั่งซื้อลอตเดียว 30,000 ตันเลยหรือทยอยนำเข้ามานั้นต้องเข้าไปดูสัญญาผูกพันในตลาดซื้อขายล่วงหน้าว่า แนวโน้มราคาปาล์มเป็นอย่างไร หากราคาถูกลงก็คงจะทยอยนำเข้า แต่หากแนวโน้มราคาสูงก็จะนำเข้าทีเดียว 30,000 ตัน
ด้านนายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตาม ควบคุม กำกับดูแลและแก้ไขปัญหาน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค ว่า ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มความเข้มงวดแก้ปัญหาน้ำมันพืชขาดแคลน และราคาแพง โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) สัปดาห์หน้า พิจารณาควบคุมราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มทั้งชนิดขวด ปี๊บ และถุงให้มีราคาเดียวกันไม่เกินลิตรละ 47 บาท หลังจากที่ผ่านมาได้คุมเฉพาะราคาน้ำมันปาล์มขวด เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสนำน้ำมันปาล์มไปใส่ปี๊บ และถุงขายจนทำให้ปาล์มขวดขาดแคลน
นอกจากนี้ จะเสนอเพิ่มอำนาจให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดูแลสต๊อก และเส้นทางการผลิต การจำหน่ายน้ำมันปาล์มทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่โรงงานสกัดน้ำมัน, โรงกลั่น, โรงบรรจุขวด, ร้านค้าส่ง และห้างสรรพสินค้าทั้งระบบ เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์สามารถบริหารจัดการการจำหน่ายน้ำมันปาล์มอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนหรือการโก่งราคาจนเกิดขาดแคลน
อย่างไรก็ดี สำหรับการจับกุมร้านค้าที่มีการกักตุนและจำหน่ายเกินราคา ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค.54 สามารถจับกุมร้านค้ารายย่อยและร้านค้าส่งยี่ปั๊ว ซาปั๊วในเขตกรุงเทพฯ และปทุมธานีได้ทั้งสิ้น 18 ราย โดยรายใหญ่เป็นร้านค้าส่งใน จ.ปทุมธานี มีการไม่ติดราคาในฉลากถึง 50,000 ขวด ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนและขยายผลไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่