สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) หลังจากรัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบียออกมาส่งสัญญาณว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก อาจจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 87.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 87.65 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.ลดลง 3.12 เซนต์ ปิดที่ 2.6231 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.06 เซนต์ ปิดที่ 2.4379 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 99 เซนต์ ปิดที่ 96.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงทันทีที่นายอาลี อัล ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลว่า การเก็งกำไรในตลาดน้ำมันล่วงหน้าอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอีก นอกจากนี้ นายอาลีคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกในปี 2554 อาจเพิ่มขึ้น 1.5-1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2554 จะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นักวิเคราะห์หลายคน รวมถึงนักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของนายอาลีอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า ซาอุดิอาระเบียพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันดิบนิวยอร์กยังถูกกดดันหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่ 21 ม.ค.ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนั้น อาจจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%
ส่วนในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 335.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล แตะที่ 227.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล