สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมันทั่วโลก หลังจากธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ และทางการอังกฤษรายงานว่า เศรษฐกิจภายในประเทศหดตัวลงในไตรมาส 4 ปี 2553
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 1.91% ปิดที่ 86.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.12 - 87.85 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.65 เซนต์ ปิดที่ 2.5966 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 6.73 เซนต์ ปิดที่ 2.3706 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 95.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากธนาคารกลางอินเดียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันนี้ เพื่อควบคุบภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กถูกกดดันมากขึ้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ปี 2553 ของอังกฤษ หดตัวลง 0.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2552 และเป็นการหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2552
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากการแสดงความคิดเห็นของนายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย ในที่ประชุม "Annual Global Competitiveness Forum" ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2554 จะยังคงเคลื่อนไหวในระดับเดียวกับปีที่แล้ว พร้อมกับคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการแสดงความคิดเห็นของรมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า ซาอุดิอาระเบียพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
นักลงทุนจับตาดูสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่ 21 ม.ค.ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.1%