สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก อาจปรับตัวลดลง นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินอื่นๆ ได้ลดแรงจูงใจให้เข้าซื้อ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.67% ปิดที่ 89.03 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 88.45 - 91.67 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.ลดลง 5.07 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 2.7167 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 6.81 เซนต์ หรือ 2.7% ปิดที่ 2.4353 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร ประจำเดือนมกราคม 2554 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยที่สุดในรอบสี่เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 145,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 121,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม
ขณะที่ อัตราว่างงานเดือนมกราคม 2554 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 หรือในรอบเกือบสองปี ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนมกราคมจะดีดตัวขึ้นแตะ 9.5% หลังจากที่ในเดือนธันวาคม 2553 อัตราว่างงานสหรัฐลดลงสู่ระดับ 9.4% จาก 9.8% ในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า รายงานดังกล่าวที่มีทั้งบวกและลบย้ำเตือนว่า ตลาดแรงงานยังคงเป็นจุดอ่อนของเศรษฐกิจสหรัฐ
ข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำความหวั่นวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับดีมานด์พลังงาน หลังจากที่กระทรวงพลังงานรายงานเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 18 ปี เนื่องจากความต้องการที่ลดลง
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ก็เป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันให้ร่วงลงเช่นกัน เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่ไต่ระดับขึ้นทำให้น้ำมัน ซึ่งซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและลดความน่าดึงดูดสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล รามิเรซ รัฐมนตรีน้ำมันอียิปต์ กล่าวว่า ขณะนี้ มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปิดคลองสุเอซอันเนื่องมาจากเหตุการณ์วุ่นวายในอียิปต์ โดยถึงแม้ว่ายังไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดขึ้นในตอนนี้ แต่หากมีการปิดคลองสุเอซซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันและสินค้าที่สำคัญ ก็อาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าสู่ระดับ 200 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ อียิปต์ควบคุมคลองสุเอซและท่อส่งน้ำมันใกล้เคียง ซึ่งขนส่งน้ำมันรวมกันราว 2 ล้านบาร์เรล/วัน จากตะวันออกกลางสู่ยุโรปและอเมริกา