สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อและควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานในประเทศจีนด้วย นอกจากนี้ ความต้องการในการถือครองสัญญาน้ำมันดิบยังลดน้อยลงหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดในอียิปต์เริ่มคลี่คลายลง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ปรับตัวลง 54 เซนต์ ปิดที่ 86.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.57 เซนต์ ปิดที่ 2.7318 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.37 เซนต์ ปิดที่ 2.4942 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนเพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 100.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานภายในประเทศซบเซาลงด้วย หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีอยู่ที่ระดับ 6.06% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีอยู่ที่ 3.00% ซึ่งการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนถือเป็นความพยายามล่าสุดในการสกัดเงินเฟ้อ
ข้อมูลจากแมคกรอว์-ฮิลส์ คอส ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานชั้นนำระดับโลกระบุว่า จีนเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ โดยในปี 2553 จีนนำเข้าน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 434.4 ล้านตัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองสัญญาน้ำมันดิบหลังจากสถานการณ์ในอียิปต์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี โดยมีรายงานว่ารองประธานาธิบดีโอมาร์ สุไลมาน ของอียิปต์ ออกแถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของทางการว่า ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค อนุมัติให้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่าอียิปต์มีกำหนดเวลาในการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า เกิดปัญหาติดขัดด้านการผลิตน้ำมันที่โรงกลั่นของบริษัทวาเลโร เอ็นเนอร์จี คอร์ป ที่ท่าเรืออาร์เธอร์ รัฐเท็กซัส และที่โรงงานของบริษัทเอ็กซอนโมบิล คอร์ป ในเมืองบาตอง รูจ รัฐหลุยส์เซียนา
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (อีไอเอ) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้คาดว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.2%