องค์การสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการกักตุนสินค้าและหนุนราคาสูงขึ้นอีก
อับดอลเรซา อับบาสเซียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่เกิดภาวะตึงตัวในตลาด การกักตุนสินค้าก็จะเริ่มลุกลาม โดยเมื่อวานนี้ ราคาข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
นอกจากนี้ นายอับบาสเซียนยังกล่าวด้วยว่า ทั่วโลกจะต้องผลิตข้าวสาลีเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-4% จึงจะสามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ และสภาพอากาศแห้งแล้งในประเทศจีนอาจทำให้โอกาสที่สต็อกธัญพืชทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นนั้น มีน้อยลงด้วย โดยข้อมูลของ FAO ระบุว่า สต็อกธัญพืชทั่วโลกอาจปรับตัวลดลง 6.4% ในปีนี้
นายอับบาสเซียนคาดว่า ราคาข้าวสาลีจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นไปจนถึงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวหน้า เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้นำเข้าเร่งซื้อธัญพืชในตลาดโลกเพื่อบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ
การพุ่งขึ้นของต้นทุนราคาข้าวเปลือก ข้าวสาลี น้ำตาล และผลิตภัณฑ์นม ส่งผลให้ดัชนีราคาอาหารของ FAO ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนม.ค. ซึ่งก่อให้กิดปัญหาเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ เหตุการณ์ประท้วงในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ก็ส่งผลให้ราคาอาหารสูงขึ้นด้วย
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า ผลผลิตธัญพืชน้อยลงและความต้องการที่สูงขึ้นกำลังส่งผลให้สต็อกธัญพืชทั่วโลกหดตัวลง ขณะที่รัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงจีน กำลังเพิ่มการนำเข้าธัญพืช จำกัดการส่งออก และระบายธัญพืชในสต็อกออกสู่ตลาดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนพุ่งขึ้น 3.3% ในปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนี CPI ของอินโดนีเซียพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือนที่ 7.02% ในเดือนม.ค.
สภาธัญพืชสากลซึ่งตั้งอยู่ในกรุงลอนดอนระบุว่า จีนเป็นผู้บริโภคข้าวสาลีรายใหญ่สุดของโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 17% ของการบริโภคทั่วโลกในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2553 ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ประมาณการว่า ผลผลิตข้าวสาลีของจีนจะลดลงแตะระดับ 114.5 ล้านตัน จากระดับ 115.1 ล้านตันในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ FAO คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวสาลีทั่วโลกจะลดลง 4.3% แตะที่ 653 ล้านตันในช่วงปี 2553-2554 และคาดว่าความต้องการข้าวสาลีทั่วโลกจะพุ่งขึ้น 1.2% เป็น 667 ล้านตัน ขณะที่ USDA ประมาณการว่า ผลผลิตข้าวสาลีทั่วโลกจะอยู่ที่ 645.4 ล้านตัน และความต้องการข้าวสาลีทั่วโลกจะอยู่ที่ 665.2 ล้านตัน โดยนายอับบาสเซียนชี้ว่า หากไม่มีการเพิ่มการเพาะปลูกอย่างเพียงพอและสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ปริมาณความต้องการอาจแซงหน้าผลผลิตได้ในปี 2554-2555