สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยสัญญาน้ำมันลดลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากข่าวการลาออกของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ได้ช่วยคลี่คลายความวิตกกังวลของนักลงทุนที่มีในก่อนหน้านี้เกี่ยวกับภาวะขาดแคลนผลผลิตน้ำมันในตะวันออกกลาง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.10 - 87.77 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมี.ค.ลดลง 1.49 เซนต์ ปิดที่ 2.6958 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับลงเล็กน้อยปิดที่ 2.4652 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 50 เซนต์ ปิดที่ 100.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมานักลงทุนกังวลว่า การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอียิปต์ที่มีมานาน 18 วันอาจบานปลายขยายวงกว้างไปยังประเทศอื่นๆในตะวันออกกลาง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตน้ำมัน เพราะแม้ว่าอียิปต์จะไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลักของโลก แต่จากวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าอาจทำให้ต้องมีการปิดคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันที่สำคัญในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม นายโอมาร์ สุไลมาน รองประธานาธิบดีอียิปต์ประกาศเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง พร้อมส่งมอบอำนาจให้ทางกองทัพทำหน้าที่บริหารประเทศแทน ซึ่งนักลงทุนมองว่าการลาออกของผู้นำอียิปต์ทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานานหลายวันยุติลงและเป็นปัจจัยหนุนต่ออุปทานน้ำมัน
นอกจากนี้ การลาออกของนายมูบารัคยังส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งปิดในแดนบวกและเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันด้วย