ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.พ.) สัญญาข้าวโพดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อุปทานข้าวโพดทั่วโลกยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ส่วนสัญญาข้าวสาลีทะยานขึ้นหลังจากการประกาศลาออกของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัคแห่งอียิปต์ แต่สัญญาถั่วเหลือยังคงปรับตัวลดลง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 8 เซนต์ หรือ 1.15% ปิดที่ 7.065 ดอลลาร์/บชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 8.67 ดอลลาร์/บุชเชย และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 17 เซนต์ หรือ 1.86% ปิดที่ 14.16 ดอลลาร์/บุชเชล
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเทรดเดอร์ในตลาด CBOT ว่า สัญญาข้าวโพดยังคงปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งอันเนื่องมาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อุปทานยังคงปรับตัวลดลง
กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐได้ส่งออกข้าวโพด 210,000 ตันไปยังเม็กซิโก ขณะที่เกาหลีใต้ได้สั่งซื้อข้าวโพดจากสหรัฐในปริมาณ 55,000 ตัน นอกจากนี้รายงานของ USDA ระบุว่า อุปทานข้าวโพดยังคงตึงตัว โดยคาดว่าสต็อกข้าวโพดทั่วโลกจะปรับตัวลดลง 16% แตะระดับ 122.5 ล้านตันในรอบปีที่สิ้นสุด ณ เดือนเม.ย.
เทรดเดอร์คาดว่า ภาวะอุปทานข้าวโพดที่ตึงตัวและยอดส่งออกข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นเกินคาด จะยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนราคาข้าวโพดให้ปรับตัวสูงขึ้นอีก
ส่วนสัญญาข้าวสาลีทะยานขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีมูบารัคประกาศลาออกจากตำแหน่งและส่งมอบอำนาจให้กับกองทัพอียิปต์ ซึ่งทำให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเรื่องกำลังซื้อจากอียิปต์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวสาลีรายใหญ่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม สัญญาถั่วเหลืองยังคงปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากรายงานพยากรณ์ที่ว่า สภาพอากาศที่สดใสในอเมริกาใต้ในสัปดาห์นี้จะช่วยหนุนผลผลิตถั่วเหลืองให้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ สัญญาถั่วเหลืองยังถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาพลังงานและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์