ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ก.พ.) ราคาสัญญาข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือส่งผลให้รัฐบาลนำเข้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลกระทบต่อธัญพืชจากภาวะภัยแล้งในจีน ส่วนราคาสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวลดลง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนมีนาคมร่วง 10.75 เซนต์ หรือ 1.54% แตะที่ 6.9575 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.58% แตะ 8.72 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนมีนาคมลดลง 13.25 เซนต์ หรือ 0.9% แตะ 14.0275 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
อิรักได้สั่งซื้อข้าวสาลีจำนวน 350,000 ตัน แบ่งเป็น 200,000 ตันจากสหรัฐ และ 150,000 ตันจากออสเตรเลีย และ ตูนีเซียสั่งซื้อข้าวสาลีทั้งหมด 100,000 ตัน
การประท้วงขับไล่ผู้นำได้ลุกลามออกไปยังหลายประเทศ ได้แก่ เยเมน และ บาห์เรน หลังจากที่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ของอียิปต์ลาออกจากตำแหน่งหลังเกิดความไม่สงบเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลว่าข้าวสาลีที่เพาะปลูกในช่วงฤดูหนาวของจีนอาจไม่ได้รับความชื้นเพียงพอในการฟื้นตัวจากภาวะเหี่ยวเฉาจากภัยแล้งยังเป็นปัจจัยหนุนการเพิ่มขึ้นของข้าวสาลีอีกด้วย
ส่วนตลาดข้าวโพด เทรดเดอร์กล่าวว่า ราคาที่แตะสถิติสูงสุดในรอบใหม่ได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายทางเทคนิคในระยะสั้น โดยราคาข้าวโพดได้ปรับตัวเหนือระดับสำคัญที่ 7 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากการเสนอซื้อท่ามกลางอุปทานที่ตึงตัวทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน ราคาถั่วเหลืองอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข่าวลือที่ว่าบราซิลเก็บเกี่ยวได้มากขึ้นและจีนได้เปลี่ยนไปนำเข้าจากอมริกาใต้แทนได้ส่งผลให้เกิดการเทขายบางส่วน นอกจากนี้ รายงานของ Commitment of Traders บ่งชี้ถึงภาวะที่มีแรงซื้อมากเกินไปในตลาดข้าวโพด ซึ่งทำให้บรรยากาศเป็นในเชิงลบมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน