ด้วยเหตุที่พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีหลักๆ ในช่วงฤดูหนาวของจีนได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง จึงทำให้มีการคาดการณ์กันว่า การเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวสาลีจะลดลงตามไปด้วย แต่ปริมาณผลผลิตจะลดลงมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วง 3 เดือนข้างหน้า
แม้ว่าระบบการชลประทานและหิมะที่ตกลงมาเมื่อเร็วๆนี้ ได้ช่วยบรรเทาความแห้งแล้งลงได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงมีการคาดการณ์กันมากในตลาดว่า การผลิตข้าวสาลีจะลดลงในช่วงฤดูหนาวปีนี้
นักวิเคราะห์ของบริษัท ปักกิ่ง โอเรียนท์ อะกริบิสิเนส คอนซัลแทนท์ ระบุว่า หากสภาพอากาศที่แห้งแล้งยังคงยืดเยื้อต่อไปตั้งแต่เดือนมี.ค.จนถึงเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการเพาะปลูกข้าวสาลี ก็อาจจะทำให้การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีลดลงราว 10 ล้านตัน ขณะที่การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในช่วงที่มีฝนตกลงมาตามปกติในช่วงเวลาเดียวกันนี้ อาจลดลงเพียง 2 ล้านตันเท่านั้น
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนแสดงให้เห็นว่า การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของจีนในปี 2553 อยู่ที่ราว 108.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ผลผลิตที่ร่วงลง 2 ล้านตันคงจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาในตลาดมากนัก หากเปรียบเทียบกับตัวเลขผลผลิตในปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์ยังชี้ด้วยว่า หากสภาพอากาศแห้งแล้งยังคงยืดเยื้อต่อไปจนถึงช่วงปลายเดือนเม.ย. การผลิตข้าวสาลีในพื้นที่ประสบภัยแล้งอาจจะร่วงลง 10-15% และคาดว่า การผลิตที่ร่วงลงนี้จะส่งผลกระทบต่อภาวะสมดุลของอุปสงค์และอุปทานข้าวสาลีในปีผลผลิตนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ราคาข้าวสาลีอาจจะสูงขึ้นอีก 20-30% เนื่องจากอุปทานในตลาดที่ไม่สมดุลและสภาพคล่องที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
ด้าน www.cngrain.com ซึ่งเป็นเว็บท่าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมธัญพืชภายในประเทศ ระบุว่า ในระยะกลางไปจนถึงระยะยาวนั้น ราคาข้าวสาลีในประเทศมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่สูงขึ้นในตลาด แต่ราคาอาจไม่ปรับขึ้นรุนแรง
ข้อมูลจากเว็บท่าดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จีนผลิตข้าวสาลีจำนวน 114.15 ล้านตันเมื่อปีที่แล้ว และคาดการณ์ว่าการบริโภคข้าวสาลีในประเทศจะอยู่ที่ 107.25 ล้านตันในปีผลผลิต 2554-2555 ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ตลาดไม่ได้เปลี่ยนแปลง และปริมาณข้าวสาลีในสต็อกจะยังคงมีอยู่อย่างเพียงพอภายในช่วงสิ้นปีผลผลิต
กระทรวงเกษตรจีน เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งนั้น ลดลงไป 4.25 ล้าน mu หรือ 283,475 เฮคเตอร์ นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากหิมะที่ตกลงมาและระบบชลประทาน
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรจีนระบุว่า ณ วันจันทร์ที่ 14 ก.พ. สภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ส่งผลกระทบต่อข้าวสาลีที่ปลูกในช่วงฤดูหนาว 101.18 ล้าน mu หรือ 6.75 ล้านเฮคเตอร์ในมณฑลเหอเป่ย ซานซี เจียงซู อันฮุย ชานตง เหอหนาน ส่านซี และกันซู
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติคาดการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ในช่วง 3 วันข้างหน้านี้ จะยังไม่มีฝนหรือหิมะตกลงมาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งส่วนใหญ่ทางภาคเหนือของจีน และมีแนวโน้มว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นหลังจากผ่านพ้นวันที่ 16 ก.พ.ไปแล้ว
หยู เจินเหวิน เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรจีนกล่าวว่า ทางการท้องถิ่นกำลังได้รับการสนับสนุนให้เพิ่มระบบชลประทานและมาตรการต่างๆ เพื่ออนุรักษ์ความชุ่มชื้นในดินไว้เมื่ออุณหภูมิอยู่สูงกว่า 3 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดสรรงบสำหรับโครงการอนุรักษ์แหล่งน้ำในชนบทแล้วเป็นจำนวน 4 พันล้านหยวน และจะมีการจัดสรรงบอีก 2 พันล้านหยวนให้กับระบบชลประทานในพื้นที่เกษตรและโครงการน้ำดื่มปลอดภัย นอกจากนี้ จะมีการจัดสรรงบ 1.2 พันล้านหยวนเพื่ออุดหนุนการซื้อเทคโนโลยีป้องกันภัยแล้งสำหรับพื้นที่ปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูหนาว
ผลผลิตข้าวสาลีของจีนคิดเป็นสัดส่วน 22.34% ของการผลิตธัญพืชทั้งหมดของประเทศ และปัจจุบัน พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูหนาวในภูมิภาคที่ประสบภัยแล้งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 76.46% ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นผลผลิตประมาณ 81.95% ของการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีภายในประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน