สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อปกป้องความเสี่ยงในช่วงที่เกิดความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลาง และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันในหลายพื้นที่ อันเป็นผลมาจากการจลาจลในตะวันออกกลาง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.24 เซนต์ ปิดที่ 2.7324 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.70 เซนต์ ปิดที่ 2.5277 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนแห่ซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในบาห์เรนใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล จนทำให้ผู้ประท้วงเสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บเกือบ 200 คน ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพบาห์เรนได้สั่งกระจายกำลังตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
ด้านนางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ประท้วงในบาห์เรน และขอให้เจ้าหน้าที่ใช้อดทนอดกลั้นต่อผู้ประท้วง
นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอิหร่าน อัลจีเรีย จอร์แดน และลิเบีย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากประชาชนในตูนิเซียและอียิปต์ได้ประท้วงขับไล่ผู้นำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิหร่านและลิเบียมากเป็นพิเศษ เพราะทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมในเขตมิด-แอตแลนติกของสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 35.9 จุดในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปี 2547