นายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียยืนยันว่า ซาอุดิอาระเบียมีกำลังการผลิตสำรองสูงพอที่จะชดเชยภาวะขาดแคลนอุปทานน้ำมันที่เป็นผลมาจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบีย ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเหตุการณ์จลาจลในลิเบียส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 94 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 106 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายอัล-ไนมีกล่าวกับสำนักข่าวซาอุดิเพรสว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงพอที่จะชดเชยภาวะขาดแคลนอุปทานในตลาดโลก อันเนื่องมาจากเหตุการณ์จลาจลในลิเบีย
ด้านนายมูฮัมหมัด บิน ดาฮีน อัล-ฮัมลี รมว.พลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า โอเปคจะเข้าแทรกแซงตลาดทันทีหากจำเป็น และโอเปคกำลังติดตามดูสถานการณ์ในลิเบียอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ นายอัล-ฮัมลียังมีความเห็นสอดคล้องกับรมว.พลังงานคนอื่นๆในกลุ่มโอเปคว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากปัจจัยทางจิตวิทยา มากกว่าปัจจัยพื้นฐานในตลาด
ขณะที่นายมูฮัมหมัด อาลี คาติบี ประธานโอเปคซึ่งเป็นชาวอิหร่าน กล่าวว่า สถานการณ์รุนแรงทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือกำลังลุกลามไปยังประเทศอื่นๆอย่างรวดเร็ว และโอเปคไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเมืองเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ นายคาติบีกล่าวว่า โอเปคยังไม่มีความจำเป็นที่จะจัดการประชุมฉุกเฉิน ก่อนหมายกำหนดการที่จะจัดประชุมสมัยสามัญครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.นี้
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวว่า IEA พร้อมที่จะระบายน้ำมันเข้าสู่ตลาดหากพบว่าเกิดภาวะอุปทานตึงตัวอย่างรุนแรง และหากพบว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่พร้อมที่จะจัดหาน้ำมันโดยผ่านทางกลไกตลาดปกติ โดย IEA มีน้ำมันดิบสำรองอยู่ราว 1.6 พันล้านบาร์เรล ซึ่งจะระบายออกสู่ตลาดก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาขาดแคลนอุปทานอย่างรุนแรง
"เรายังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เรากำลังติดตามสถานการณ์ในลิเบียอย่างใกล้ชิด" IEA กล่าวในแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์