สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวสถานการณ์ตึงเครียดในอิหร่านและตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านประกาศกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล นอกจากนี้มีรายงานว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงกว่าครึ่งหนึ่งในขณะนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.66 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 99.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.46 เซนต์ ปิดที่ 3.0235 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 9.07 เซนต์ ปิดที่ 2.9834 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 115.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากมีรายงานว่า อิหร่านได้สั่งกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ซึ่งรวมถึงการสั่งจำคุกแกนนำฝ่ายค้านที่ใจกลางกรุงเตหะราน นอกจากนี้มีรายงานว่า กลุ่มผู้สนับสนุนการปฏิวัติอิหร่านได้ใช้กำลังปะทะกันอย่างรุนแรงกับกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล ขณะที่ผู้สังเกตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศเตือนว่า การจับกุมแกนนำฝ่ายค้านอาจส่งผลให้วิกฤตการณ์ทางการเมืองในอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ แม้นายโกลัม ฮอสเซน โมห์เซนี อัยการสูงสุดของอิหร่าน ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าทางการอิหร่านได้จับกุมตัวแกนนำฝ่ายค้าน 2 คน คือนายมีร์ ฮอสเซน มูซาวี และนายเมห์ดี คาร์รูบี แต่ครอบครัวของแกนนำฝ่ายค้านอิหร่านทั้งสองคนออกมายืนยันนายมูซาวี และนายคาร์รูบี รวมถึงภรรยาของเขาทั้งสองคนถูกทางการจับกุมตัว เนื่องจากแกนนำฝ่ายค้านสองคนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2552 ที่ทำให้ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจ๊าด ได้กลับมาเป็นผู้นำอิหร่านอีกสมัย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าความตึงเครียดทางการเมืองในลิเบียอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันภายในประเทศ หลังจากมีรายงานว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของแอฟริกา รองจากแองโกลาและไนจีเรีย ทำให้ผลผลิตน้ำมันในประเทศลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 300,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจจะเพิ่มขึ้น 0.2%