ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนที่ผ่านมา (1 มี.ค.) ราคาสัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันดิบที่ซื้อขายคึกคัก ในขณะที่ข้าวสาลีลดลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 2 วันติดต่อกันในก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนจับตาดูผลกระทบจากสภาพอากาศต่อผลผลิตข้าวสาลีในสหรัฐและจีน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนพ.ค.ปิดที่ 7.355 ดอลลาร์ต่อบุชเชล เพิ่มขึ้น 4.5 เซ็นต์ หรือ 0.6% ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 6.75 เซนต์ หรือ 0.8% แตะที่ 8.1025 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 10.5 เซนต์ หรือ 0.8% แตะที่ 13.7525 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
เทรดเดอร์กล่าวว่า ตลาดข้าวโพดและถั่วเหลืองได้หยุดการเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดหุ้นและหันไปเคลื่อนไหวตามตลาดน้ำมันดิบแทน ซึ่งเป็นแรงหนุนให้ราคาปิดสูงขึ้นปานกลาง
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 เมื่อวานนี้ เนื่องจากเหตุความไม่สงบในตะวันออกกลางมีแนวโน้มจะลุกลามจากลิเบียไปยังซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มโอเปก
ในขณะเดียวกัน ราคาข้าวสาลีลดลงหลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้น 2 วันติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนเฝ้าจับตาดูว่าภัยแล้งจะทำให้ผลผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลกลดลงหรือไม่
ข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่า 25% ของข้าวสาลีในรัฐแคนซัส ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่สุดของสหรัฐ ได้รับการจัดเกรดที่ระดับดีหรือดีมากเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่า 27% ในสัปดาห์ก่อน ส่วนสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนรายงานว่า ฝนจะหยุดตกในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งของจีนหลังจากที่วัดปริมาณน้ำฝนได้มากถึง 49 มิลลิเมตร (1.9 นิ้ว) ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา
สำนักงานวิทยาศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ด้านการเกษตรและทรัพยากรของออสเตรเลีย (ABARES) คาดว่าออสเตรเลียอาจมีปริมาณผลผลิตข้าวสาลี 24.26 ล้านตันในปีหน้า และผลผลิตข้าวสาลีของโลกอาจเพิ่มขึ้น 4% เป็น 675 ล้านตันในปีการเพาะปลูกซึ่งเริ่มต้นวันที่ 1 กรกฎาคม เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นกระตุ้นให้เกษตรกรเพาะปลูกมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน