ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดพุ่งแตะ $102.23 จากวิกฤตลิเบีย,สต็อกน้ำมันร่วง

ข่าวต่างประเทศ Thursday March 3, 2011 07:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2551 เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 102.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.ปี 2551 และในระหว่างวันสัญญาได้เคลื่อนตัวในช่วง 99.21 - 102.41 ดอลลาร์

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 93 เซนต์ ปิดที่ 116.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.ปี 2551

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบียยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบเดือนเม.ย.ปิดที่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.ปี 2551 ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านพลังงานระบุว่า นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองในลิเบีย ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ได้พุ่งขึ้นไปแล้วประมาณ 20%

เทรดเดอร์และนักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์ในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด หลังจากพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย พยายามยึดคืนพื้นที่ในฝั่งตะวันออกของประเทศด้วยการใช้กองกำลังทหารทั้งทางบกและทางอากาศ พร้อมกับออกแถลงการณ์ว่า หากสหรัฐและองค์การระหว่างประเทศ รวมถึงองค์การนาโต้ เข้าแทรกแซงกิจการภายใน ก็อาจจะทำให้เกิดสงครามนองเลือดในลิเบีย

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประมาณการว่า สถานการณ์รุนแรงในลิเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 13 ของโลก ได้ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลง 850,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ฟาตีห์ ไบรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IEA คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐจะต้องใช้งบประมาณในการนำเข้าน้ำมันสูงถึง 3.85 แสนล้านดอลลาร์ หรือสูงกว่าปีที่แล้วเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ และอาจทำให้สหภาพยุโรป (อียู) ต้องใช้งบประมาณในการนำเข้าน้ำมันดิบถึง 3.75 แสนล้านดอลลาร์ หรือสูงกว่าปีที่แล้วราว 7.6 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ยังพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 25 ก.พ. ลดลง 400,000 บาร์เรล แตะที่ 346.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล

สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 800,000 บาร์เรล แตะที่ 159.2 ล้านบาร์เรล แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 234.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 300,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 1.5% แตะที่ 80.9% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ