สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 102.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 100.62-105.06 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.58 เซนต์ ปิดที่ 3.0449 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.0196 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 51 เซนต์ ปิดที่ 115.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเปราะบางของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่า จีนมียอดขาดดุลการค้ามูลค่า 7.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการขาดดุลการค้าครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552
ขณะที่ทางการสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 มี.ค.เพิ่มขึ้น 26,000 ราย แตะระดับ 397,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 378,000 ราย นอกจากนี้ ยอดขาดดุลการค้าเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 15.1% แตะระดับ 4.63 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นการปรับตัวขึ้นที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 18 ปี
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากมีรายงานว่า ตำรวจซาอุดิอาระเบียได้ยิงกระสุนยางเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงนิกายชิอะห์ราว 200 คนในเมืองควาติฟ ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน
นักวิเคราะห์จาก PFGBest กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปค และเหตุการณ์รุนแรงใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ย่อมส่งผลตลาดภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน โดยนักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในซาอุดิอาระเบียมากเป็นพิเศษหลังจากนายอาลี อัล-ไนมิ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันซาอุดิอาระเบีย ยืนยันว่า ซาอุดิอาระเบียมีกำลังการผลิตส่วนเกินเพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในช่วงที่สถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียยังยืดเยื้อ โดยตอนนี้ซาอุดิอาระเบียมีกำลังการผลิตส่วนเกิน 3.5 ล้านบาร์เรล/วัน
สเปนดิ้งเพลาส์ (SpendingPulse) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกของสหรัฐ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ขับขี่ยานยนต์ในสหรัฐลดการใช้จ่ายในการซื้อเชื้อเพลิง หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่นักวิเคราะห์ของเมอร์ริล ลินช์ คาดว่า ผู้บริโภคจะลดการขับขี่ยานยนต์มากขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ตราบใดที่ราคาน้ำมันดิบยังเคลื่อนไหวเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล