สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางจะส่งผลให้เกิดภาวะติดขัดด้านอุปทานพลังงานและอาจหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และการพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐ ได้สกัดช่วงบวกของราคาน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดบวก 80 เซนต์ หรือ 0.8% แตะที่ 97.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปรับตัวในช่วง 96.22-99.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.34 เซนต์ ปิดที่ 2.9972 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.08 เซนต์ ปิดที่ 2.8437 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.10 ดอลลาร์ หรือ 1.94% ปิดที่ 110.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน NYMEX ดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลบาห์เรนประกาศภาวะฉุกเฉิน ภายหลังจากกองกำลังทหารของหลายประเทศในอ่าวอาหรับได้เคลื่อนพลเข้าไปยังบาห์เรน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการณ์ในระดับภูมิภาคจากคณะมนตรีความร่วมมือรอบอ่าวอาหรับ (GCC) หลังจากประชาชนจำนวนมากได้ลุกฮือประท้วงในประเทศต่างๆของอ่าวอาหรับ
นอกจากนี้มีรายงานว่า เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงในบาห์เรนและเยเมน ซึ่งมีเขตแดนใกล้กับซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของกลุ่มโอเปค ส่วนที่ลิเบียนั้นมีรายงานว่า พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยังคงเดินหน้าใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง
อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกในตลาดถูกสกัดลงหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มี.ค.เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 350.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงซบเซา
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น หลังจากนายกึนเธอร์ เอททิงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านพลังงานของรัฐสภายุโรป ระบุว่า สถานการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และคณะกรรมการอียูจะดำเนินการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 143 แห่งของประเทศสมาชิกอียู เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุระเบิดและสารกัมมันตรังสีรั่วไหลที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่น โดยการทดสอบดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายหลังจากแผ่นดินไหว