ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) ราคาสัญญาข้าวโพดดีดตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเนื่องจากมีมุมมองที่เป็นบวกต่อข้อมูลการส่งออกประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งช่วยคลายความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นลง ส่วนถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะมีความวิตกกังวลต่อความเสียหายของธัญพืชในภาคเหนือของบราซิล
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนพ.ค. ทะยาน 30 เซนต์ หรือ 4.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่อนุญาตให้ซื้อขายภายในวัน ปิดที่ 6.465 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค.ทะยาน 48.25 เซนต์ หรือ 7.3% แตะที่ 7.1025 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนพ.ค.พุ่ง 48.25 เซนต์ หรือ 3.7% แตะที่ 13.3525 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
กระทรวงเกษตรของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการส่งออกข้าวโพดประจำสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 10 มีนาคม แตะระดับ 1.337 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเกินคาด
นอกจากนี้ ยอดการส่งออกประจำสัปดาห์ของข้าวสาลียังแตะที่ 858,800 ตัน ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่สูงกว่าคาดการณ์เช่นเดียวกัน ส่วนยอดการส่งออกถั่วเหลืองลดลงสู่ระดับ 214,500 ตัน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์
เทรดเดอร์กล่าวว่า อุปสงค์ในข้าวโพดของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นหนุนให้ราคาข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในการซื้อขาย 9 วันที่ผ่านมา รวมทั้งราคาน้ำมันเบนซินที่ทะยานขึ้นยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนด้วยเช่นกัน ขณะที่ข้าวโพดนับเป็นพลังงานทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน การเทขายของกองทุนยังอ่อนแรงลงในสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา ช่วยให้ราคาข้าวโพดปรับสูงขึ้น โดยนายเทรส นิปปา ประธานบริษัท โลตัส โบรกเกอร์เรจ ในชิคาโก้กล่าวว่า "เราได้เห็นการระบายสัญญาระยะซื้อจำนวนมากโดยกองทุนในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมคิดว่านั่นอาจจะเป็นการเทขายออกมามากแล้ว"
นายนิปปากล่าวว่าอุปสงค์ข้าวโพดในทั่วโลกและสหรัฐยังไม่เปลี่ยนแปลง "สิ่งเดียวที่เปลี่ยนก็คือสัญญาซื้อของกองทุน อุปทานข้าวโพดยังคงต่ำ ดังนั้น จึงค่อนข้างยากที่จะทำให้ตลาดลดลงอย่างมากเป็นเวลานานเกินไป โดยเฉพาอย่างยิ่งในขณะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน