ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 มี.ค.) ราคาสัญญาธัญพืชปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดภายนอกสหรัฐได้ฟื้นตัวหลังนักลงทุนหันมาสนใจปัจจัยพื้นฐานตลาดธัญพืชอีกครั้ง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบในเดือนพ.ค. ทะยาน 37 เซนต์ หรือ 5.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่อนุญาตให้ซื้อขายภายในวัน ปิดที่ 6.835 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ส่วนสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนพ.ค.ทะยาน 12.75 เซนต์ หรือ 1.8% แตะที่ 7.23 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบในเดือนพ.ค.พุ่ง 27.25 เซนต์ หรือ 2% แตะที่ 13.625 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
ราคาสัญญาข้าวโพดทะยาน 5.7% หลังจากที่ทะยานขึ้นในลักษณะเดียวกันเมื่อวันก่อนเนื่องจากมีแรงซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง และมีความวิตกกังวลต่อสถานการณ์อุปทานที่ตึงตัวในทั่วโลก จากอุปสงค์จำนวนมากสำหรับผลผลิตของสหรัฐ
นายเจมส์ บาร์เนตต์ นักวิเคราะห์ธัญพืชในชิคาโก้กล่าวว่า "มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนอาจสั่งซื้อข้าวสาลี 600,000 ตันจากสหรัฐ โดยเป็นการซื้อเดือนละ 100,000 ตัน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังสั่งซื้อข้าวโพดเป็นจำนวนสูงถึง 500,000 ตัน ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา และเม็กซิโกก็เป็นหนึ่งในผู้ซื้อรายใหญ่ ซึ่งเน้นย้ำว่ายังมีความยังมีความต้องการข้าวโพดสหรัฐ โดยในความเป็นจริงสต็อคข้าวโพดยังตึงตัวอยู่มาก"
ในขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ รวมทั้งราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้น ต่างก็เป็นปัจจัยหนุนต่อความแข็งแกร่งของตลาดธัญพืช
ในส่วนของตลาดข้าวสาลี การพยากรณ์สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งกว่าปกติในรัฐที่เพาะปลูกธัญพืชของสหรัฐในช่วงอีก 11 วันข้างหน้า ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยนายทิม แฮนนาแกน นักวิเคราะห์อาวุโสจาก PFGbest ในชิคาโก้กล่าวว่า "ทุกรัฐอยู่ในภาวะย่ำแย่โดยมีปริมาณธัญพืชที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่แห้งแล้ง นี่จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตอย่างมากไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีการประเมินคุณภาพและผลผลิต"
นายแฮนนแกนกล่าวเสริมว่า "การซื้อขายอาจจะกลับมาคึกคักอย่างรวดเร็ว ขณะที่สหรัฐเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่ที่จะเพาะปลูกธัญพืชเป็นรายแรก" สำนักข่าวซินหัวรายงาน