นักเศรษฐศาสตร์จาก IMF หวั่นราคาอาหารพุ่งสูงส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

ข่าวต่างประเทศ Monday March 21, 2011 12:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักเศรษฐศาสตร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ราคาอาหารในตลาดโลกอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้มีฐานะยากจน

"ดูเหมือนว่าราคาอาหารได้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ซึ่งภาวะเช่นนี้ไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราว" โธมัส เฮลบลิง และฌอน โรช นักเศรษฐศาสตร์จากไอเอ็มเอฟกล่าวในบทความของนิตยสารไฟแนนซ์ แอนด์ ดีเวลอปเมนท์

โดยขณะนี้ ดัชนีราคาอาหารของไอเอ็มเอฟ ซึ่งติดตามราคาสปอตของสินค้าเกษตร 22 รายการที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศมากที่สุดนั้น อยู่ใกล้กับระดับสูงที่เคยทำไว้เมื่อเดือนมิ.ย.2551

นักเศรษฐศาสตร์ทั้งสองท่านระบุว่า หลายประเทศกำลังเผชิญกับราคาอาหารที่พุ่งสูง ซึ่งทำให้ปัญหาความยากจนและเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น รวมทั้งส่งผลต่อดุลบัญชีการชำระเงินสำหรับประเทศที่นำเข้าอาหาร

ทุกคนสังเกตได้เมื่อราคาอาหารแพงขึ้น แต่กลุ่มผู้มีฐานะยากจนจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านอาหารของพวกเขามีสัดส่วนที่สูงขึ้นมาก พวกเขาแทบไม่มีโอกาสที่จะซื้ออาหารในราคาที่ถูกกว่า หรือใช้จ่ายน้อยลงในการซื้อสินค้าอื่นๆ

นอกจากนี้ บทความดังกล่าวยังได้อ้างถึงปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นให้ราคาอาหารแพงขึ้น อาทิ สภาพอากาศที่เลวร้าย ประชาชนร่ำรวยขึ้น การควบคุมการค้า และการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ

ทั้งนี้ เฮลบลิงและโรชกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาอาหารในตลาดโลกได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าผู้บริโภคในหลายประเทศตั้งแต่เมื่อต้นปี 2554 ซึ่งผลกระทบระลอกแรกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแรงกดดันตามปกติของราคาสินค้า ซึ่งจะค่อยๆ คลี่คลายลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากประชาชนเห็นว่าราคาอาหารจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็จะเริ่มเรียกร้องขอค่าแรงมากขึ้น และนำไปสู่ผลกระทบระลอกที่สอง ซึ่งก็คือการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อพื้นฐาน

บทความดังกล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า "ทั่วโลกอาจต้องปรับตัวตามราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ