สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) หลังจากการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรก่อนช่วงสุดสัปดาห์และจากความวิตกกังวลเรื่องหนี้ยุโรป อย่างไรก็ดี การเปิดเผยข้อมูลจีดีพีที่ดีเกินคาดของสหรัฐ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ได้ช่วยสกัดช่วงขาลงและยังพยุงให้ราคาอยู่เหนือระดับ 105 ดอลลาร์ได้ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับลง 20 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 105.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบ 104.50 - 105.95 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวลดลง แตะระดับ 3.0548 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับลง 0.3 เซนต์ ปิดที่ 3.0445 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE ส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 0.72 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 115.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 115.20 - 116.13 ดอลลาร์
วิกฤตการเงินในโปรตุเกสได้สร้างความหวั่นวิตกในหมู่นักลงทุนว่า ยุโรปอาจจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากประเทศอื่น ซึ่งจะทำให้แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ลดลงและจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงด้วย
อย่างไรก็ดี วานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้รายงานอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 ที่ระดับ 3.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ 2.8% นับเป็นการขยายตัวไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันและมากกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ แต่ในขณะเดียวกันนักเศรษฐศาสตร์บางรายมีมุมมองที่ไม่เป็นบวกนักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันจะทำให้ผู้บริโภคต้องลดรายจ่ายในส่วนอื่นลง
ขณะเดียวกัน ตราบใดที่เหตุการณ์ความรุนแรงในลิเบียและตะวันออกกลางซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีน้ำมันอุดมสมบูรณ์ ยังดำเนินอยู่นั้น ความวิตกกังวลเรื่องภาวะผันผวนของอุปทานน้ำมันก็จะยังไม่บรรเทาเบาบางลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังหวั่นเกรงว่าวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันด้วย โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ที่ดูร้ายแรงขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิม่า ไดอิจิ หลังจากมีข่าวว่าอาจมีรอยแตกร้าวที่เตาปฏิกรณ์นั้น อาจชะลอแผนการเดินหน้าฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิให้ต้องล่าช้าออกไป