สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในลิเบีย หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มต่อต้านพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี สามารถยึดคืนพื้นที่ท่าเรือขนถ่ายน้ำมันหลายแห่งไว้ได้ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันให้มีการส่งออกน้ำมันในเร็วๆนี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ แตะที่ 103.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.อ่อนตัวลง 3.03 เซนต์ ปิดที่ 3.0412 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 2.19 เซนต์ แตะที่ 3.0276 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลบ 84 เซนต์ แตะที่ 114.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงหลังจากกลุ่มต่อต้านกัดดาฟีสามารถยึดคืนฐานที่มั่นในเมืองราส ลานอฟและเมืองเบรกา ซึ่งเป็นท่าเรือขนถ่ายน้ำมันที่สำคัญของลิเบียได้แล้ว และยืนยันว่าจะผลักดันให้มีการส่งออกน้ำมันในเร็วๆนี้
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงอีกเนื่องจากสถานการณ์ในลิเบียใกล้จะคลี่คลายลง หลังจากที่เกิดกันปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกองกำลังชาติพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐและนาโต้ และกองกำลังของกัดดาฟี ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการในช่วงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงเหตุการณ์ประท้วงในเยเมน บาห์เรน และซีเรีย ซึ่งคาดว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมัน และอาจทำให้ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านซึ่งเป็นสองผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของกลุ่มโอเปค มีความขัดแย้งกันในด้านการเมือง
ทั้งนี้ แม้เยเมนผลิตน้ำมันได้ในสัดส่วนเพียง 0.3% ของผลผลิตน้ำมันทั่วโลก แต่นักลงทุนให้น้ำหนักกับสถานการณ์ในเยเมน เนื่องจากประเทศเยเมนตั้งอยู่บนเส้นทางลำเลียงน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของโลก รวมทั้งมีภูมิประเทศที่ติดกับทะเลแดงและอ่าวเอเดนซึ่งจะมีการลำเลียงน้ำมันผ่านในปริมาณ 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน