สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในสหรัฐอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงอีก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากและสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกกลาง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวลง 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 104.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 103.44-105.15 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ขยับลง 3 เซนต์ ปิดที่ 115.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงทันทีที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. พุ่งขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 355.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีทติ้งออยล์และดีเซล เพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล แตะที่ 153.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 600,000 บาร์เรล
การพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นทำให้เกิดความกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไร้ทิศทางในสหรัฐอาจจะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 217 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันทรงตัวที่ 84.1%
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมาเพิ่มขึ้น 1.69 ล้านบาร์เรล แตะระดับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 41.89 ล้านบาร์เรล ซึ่งสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐมีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรล แม้สถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกก็ตาม
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 103.44 ดอลลาร์ได้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากมีรายงานว่า กลุ่มต่อต้านมูอัมมาร์ กัดดาฟี สามารถยึดฐานที่มั่นในเมืองราสลานุฟ ซึ่งเป็นเมืองท่าลำเลียงน้ำมันที่เคยถูกยึดครองโดยกองกำลังทหารของกัดดาฟี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า สถานการณ์รุนแรงในลิเบียซึ่งเป็นสมาชิกโอเปคนั้น อาจจะยืดเยื้อออกไปอีก และจะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะเพิ่มการพึ่งพาแหล่งพลังงานภายในประเทศเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงของชาติ พร้อมกำหนดเป้าหมายที่จะลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศลงประมาณ 1 ใน 3 ภายในระยะเวลา 10 ปีนี้