สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในลิเบีย รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2551
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เพิ่มขึ้น 3.27 เซนต์ ปิดที่ 3.1452 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินปรับตัวขึ้น 4.36 เซนต์ ปิดที่ 3.1513 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 118.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนมี.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 8.8% จากระดับ 8.9% ในเดือนก่อนหน้านี้ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 ทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากระดับ 9.8% ในเดือนพ.ย. 2553
โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา การจ้างงานในภาคการผลิต บริการภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมเหมือง การศึกษา และการดูแลสุขภาพมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภาคการผลิต ซึ่งถูกมองว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐนั้นมีตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น 17,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าคงทนอย่างผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องมือเครื่องจักร ส่งผลให้ยอดรวมการจ้างงานในภาคการผลิตสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นแล้ว 243,000 ตำแหน่งนับจากระดับต่ำสุดเมื่อเดือนธ.ค. 2552
ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า สหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกได้รับปัจจัยหนุนที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งภาวะเช่นนี้ช่วยกระตุ้นตลาดน้ำมันด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเหตุการณ์ความขัดแย้งในลิเบียและสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยในลิเบียนั้นยังมีการสู้รบระหว่างกองกำลังของนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียกับกลุ่มกบฏอยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในบาห์เรนเริ่มมีการจับกุมกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางอินเทอร์เน็ต