สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินอาจส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง และอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลบ 13 เซนต์ แตะที่ 108.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนปิดพุ่ง 1.23 ดอลลาร์ แตะที่ 121.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.31% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.25%
ธนาคารกลางจีนระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและราคาสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น แต่นักลงทุนกังวลว่านโยบายคุมเข้มด้านการเงินอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและอาจทำให้ความต้องการพลังงานในประเทศจีนลดน้อยลงด้วย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) คาดว่า ปริมาณการใช้พลังงานของจีนจะเพิ่มขึ้นอีก 600,000 บาร์เรลต่อวัน และคาดว่าปริมาณการใช้พลังงานในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีก 130,000 บาร์เรลต่อวัน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 เม.ย. ซึ่ง EIA จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.6%