สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเหนือระดับ 111 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้ออย่างคึกคักหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และหลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 3.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ 111.45 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.96-111.66 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 2.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 123.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนาแน่นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบน่าดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงนับตั้งแต่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ"
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย.ร่วงลง 2.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 357 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 2.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 148.3 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 แสนบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล แตะที่ 208.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% แตะที่ 82.5% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9%
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแม้สำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ระบุว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้พลังงานน้อยลงเนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่รายงานสำรวจของมาสเตอร์การ์ด สเปนดิงพัลส์ระบุว่า ผู้ขับขี่ยานยนต์ในสหรัฐลดการซื้อเชื้อเพลิงในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา