นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ทิศทางค้าข้าวไทยในตลาดโลก" ว่า การนำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวขาว 5% ส่งมอบตามเงื่อนไข FOB (WRF5) เข้ามาซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ตสล.) หรือ AFET เชื่อว่าน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และทำให้ปริมาณซื้อขายหนาแน่นเหมือนยางแผ่นรมควันชั้น 3 คาดว่าจะมีจะมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 200 สัญญา/วัน หลังเข้ามาซื้อขายใน AFET ตั้งแต่ 29 เม.ย.นี้
"WRF5 น่าจะกระตุ้นให้ปริมาณการซื้อขายใน AFET เพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับใกล้เคียงกับยาง RSS3" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
นายยรรยง คาดว่า ปีนี้ไทยน่าจะส่งออกข้าวได้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 9.5 ล้านตัน ซึ่งสูงขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจากในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ไทยส่งออกข้าวแล้ว 3.05 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ประกอบกับ ยังมีสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อีกจำนวนหนึ่ง และโลกมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งจะช่วยดันให้ราคาสูงขึ้น ขณะที่คาดว่าราคามีโอกาสแตะ 9,000 บาท/ตัน โดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนจะจัดงานระดับโลก เช่น ประชุมสุดยอดมาตรฐานข้าวโลก โดยไทยจะพยายามให้ทั่วโลกใช้มาตรฐานข้าวของไทยเป็นตัวกำหนดคุณภาพข้าว
ขณะเดียวกันจะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าข้าวไทยดีและแตกต่างจากประเทศอื่นๆ อย่างไร และยังสามารถพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร และจะอาศัย AFET เป็นตัวเชื่อมโยง โดยใช้กลไกการซื้อขายล่วงหน้าให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง โดยมีราคาใน AFET เป็นตัวชี้นำ
นายยรรยง กล่าวว่า การที่ข้าวไทยจะรักษาความเป็นผู้นำของตลาดโลก ควรจะเน้นการสร้างมาตรฐานที่แตกต่างจากข้าวของประเทศอื่นๆ ถึงแม้ตลาดทั่วโลกจะรับรู้รสชาติความเป็นข้าวไทยอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันมาตรฐานไม่แตกต่างมากจากที่อื่น ซึ่งคนซื้อคงไม่อยากซื้อข้าวที่มาตรฐานใกล้เคียงกันแต่ราคาแพงกว่าที่อื่น
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาว 5% หรือข้าวขาวชนิดอื่นๆ ควรจะสร้างเอกลักษณ์ หรือสร้างมาตรฐานของตัวเอง แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของข้าวไทยที่มีความแตกต่างจากข้าวที่อื่นๆ นอกจากนี้ ควรเพิ่มมูลค่าข้าวนึ่ง ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ เนื่องจากในปัจจุบันศักยภาพการผลิตของเรากล้าพูดได้ว่าอยู่ในฐานะที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรหยุดนิ่ง เพราะคู่แข่งกำลังไล่หลังเราอยู่
นายเกียรติศักดิ์ กัลยาสิริวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ Novel Commodities S.A. กล่าวว่า หากไทยมีกฎเกณฑ์และนโยบายบริหารข้าวที่ชัดเจน เชื่อว่า การค้าข้าวใน AFET จะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อในต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมา ผู้ซื้อไม่มั่นใจนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้าว เพราะเกี่ยวข้องกับการเมืองที่เข้ามาในช่วงเวลาสั้นๆ ต้องการกำหนดราคาให้สูง แต่สวนทางกับกลไกตลาด ทำให้ประโยชน์ตกแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ราคาข้าวสูงขึ้นตามไทย และส่งผลต่อเนื่องให้ปลูกข้าวเพิ่มขึ้น และผลผลิตอาจล้นตลาดได้
ด้านแหล่งข่าว ระบุว่า การจะทำให้การซื้อขาย WRF5 คึกคักเหมือนยาง RSS3 ทุกฝ่ายควรต้องร่วมมือกัน ภาครัฐต้องดูแลทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะการซื้อขายผ่าน AFET จะทำให้มีความเป็นมาตรฐาน เพราะมีระบบการซื้อขายที่โปร่งใส ระบบการชำระเงินก็เป็นมาตรฐาน ตลาดต่างประเทศก็จะไว้วางใจและเข้ามาใช้ประโยชน์