สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) ขานรับเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในปีนี้ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงานในปีนี้ลงด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 112.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.71-113.40 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 99 เซนต์ ปิดที่ 125.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากเบอร์นันเก้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.1-3.3% ในปีนี้ และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.4% ภายในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.8%
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากการที่คณะกรรมการเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25 % และประกาศเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ถึงช่วงกลางปีนี้ โดยที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้
ตลาดได้แรงหนุนเพิ่มขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี พุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนมี.ค.ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นในกรอบที่จำกัด ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย.พุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรล แตะที่ 363.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล แตะที่ 146.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4 แสนบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 205.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 82.7% น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1%