สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กยังคงปิดอ่อนตัวลงอีก แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนครึ่ง เมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี โดยตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.62 ดอลลาร์ หรือ 2.63% ปิดที่ 97.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. หลังจากเคลื่อนไหวระหว่าง 94.63 - 102.38 ดอลลาร์ในระหว่างวัน
ส่วนสัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนมิ.ย.ลดลง 4.12 เซนต์ หรือ 1.43% ปิดที่ 2.8457 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซิน ขยับลง 0.53 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ระดับ 3.0901 ดอลลาร์/แกลลอน
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 109.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบสามารถดึงดูดแรงซื้อในการซื้อขายช่วงเช้า หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 244,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 11 เดือน และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 221,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.
โดยสัญญาน้ำมันดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 102 ดอลลาร์ในเวลาสั้นๆ ก่อนที่นักลงทุนจะหันมาส่งแรงขาย เนื่องจากถึงแม้ตัวเลขจ้างงานจะแข็งแกร่ง แต่อัตราว่างงานในเดือนเม.ย. กลับขยับขึ้นสู่ระดับ 9.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.จะทรงตัวที่ 8.8% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมี.ค.
อัตราว่างงานที่ปรับตัวขึ้นเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มั่นคง และอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน ซึ่งความวิตกกังวลเรื่องความต้องการน้ำมันยังคงสร้างแรงกดดันให้ตลาด หลังจากที่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ได้มีการรายงานอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 เม.ย. เพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ รัฐบาลยังรายงานด้วยว่า อุปสงค์น้ำมันเบนซินลดลงเกือบ 2% จากปีก่อน
ขณะที่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหลักที่สร้างแรงกดดันให้ตลาดน้ำมัน เพราะเงินดอลลาร์ที่ไต่ระดับขึ้นทำให้น้ำมัน ซึ่งซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและลดความน่าดึงดูดสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินต่างประเทศ
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยหนุน หลังจากที่หนังสือพิมพ์สปีเกลฉบับออนไลน์ของเยอรมนีรายงานว่า กรีซกำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากยูโรโซน และรมว.คลังประเทศหลักๆของยุโรปกำลังประชุมลับกันเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข่าวดังกล่าวได้จุดปะทุความวิตกกังวลเรื่องวิกฤตการคลังยุโรปขึ้นมาอีกระลอก และส่งผลให้เงินยูโรร่วงลงประมาณ 1.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเทียบดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินหลักอื่นๆ ปรับตัวขึ้นเกือบ 1%
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะดีดตัวกลับขึ้นมาและจะพุ่งขึ้นเหนือระดับสูงสุดเมื่อไม่นานมานี้ภายในปี 2555 โดยวาณิชธนกิจรายใหญ่ซึ่งถือโพสิชั่นสำคัญๆในตลาดน้ำมันคาดว่า จะมีความผันผวนระยะใกล้ในตลาดน้ำมัน และยังมองว่า แนวโน้มตลาดน้ำมันระยะกลางและระยะไกลจะยังคงคึกคัก