สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์และความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 7 สัปดาห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นทำให้อุปสงค์ปรับตัวลดลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 5.67 ดอลลาร์ หรือ 5.46% ปิดที่ 98.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 5.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 112.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า ความต้องการพลังงานในสหรัฐหดตัวลงอย่างหนักอันเนื่องมาจากผู้บริโภคลดการใช้จ่าย โดยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ค. พุ่งขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 370.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 205.8 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 800,000 บาร์เรล แตะที่ 144.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.1% แตะระดับ 81.7%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทซีเอ็มซี กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาด NYMEX ประกาศระงับการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบและสัญญาน้ำมันเบนซินเป็นเวลา 5 นาที หลังจากสัญญาน้ำมันเบนซินร่วงลงมากกว่า 25 เซนต์
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานกล่าวว่า ผู้บริโภคเริ่มใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงน้อยลงหลังจากราคาน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยทั่วประเทศเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 4 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ซึ่งหากราคาเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ขับขี่ยานยนต์ในสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของสหรัฐ หรือวันหยุดเทศกาล Memorial Day กำลังใกล้เข้ามา
นอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นแล้ว สัญญาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงกดดันหลังจากซีเอ็มอี กรุ๊ป ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บเงินประกันขั้นต้น (initial margin) สำหรับสัญญาล่วงหน้าน้ำมันเบนซิน RBOB เป็น 8,500 ดอลลาร์ต่อสัญญา หรือเพิ่มขึ้น 21.4% จากเดิม 7,000 ดอลลาร์ต่อสัญญา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเทียบกับยูโร อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ขยายตัว 13.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากเดือนมี.ค.ที่สามารถขยายตัวได้ถึง 14.8%