ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนวานนี้ (18 พ.ค.) ราคาสัญญาธัญพืชปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและผลพวงจากความคืบหน้าในการเพาะปลูกที่ล่าช้ามีผลกระทบต่อผลการผลิต โดยข้าวสาลีพุ่งแตะสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ส่วนข้าวโพดและถั่วเหลืองต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 เดือน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค.ทะยาน 29.5 เซนต์ หรือ 4.0% ปิดที่ 7.4975 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค.ทะยาน 53 เซนต์ หรือ 6.9% ที่ 8.17 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 38.5 เซนต์ หรือ 2.87% ที่ 13.795 ดอลลาร์/บุชเชล
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า ฝนที่ตกอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาและพื้นที่เพาะปลูกที่ชื้นแฉะ ทำให้การทำงานในไร่ต้องล่าช้าออกไป โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่บริเวณทิศตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปีและในรัฐทางภาคเหนือ ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออุปทานสินค้าเกษตรในปีถัดไป
กระทรวงเกษตรของสหรัฐรายงานว่า ในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 15 พฤษภาคม การเพาะปลูกข้าวโพดมีแล้วเสร็จเพียง 63% ซึ่ต่ำกว่าช่วงปีที่แล้วและระดับเฉลี่ยอย่างมาก นอกจากนี้ ความคืบหน้าในการเพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูใบไม้ผลิและถั่วเหลืองในสัปดาห์ก่อนยังอยู่ที่ 36% และ 22% ตามลำดับ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สภาพชื้นแฉะและอากาศที่หนาวเย็นในเขตมิดเวสต์ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการเพาะปลูกที่ล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทางตะวันออกของเขตคอร์น เบลท์และในรัฐดาโกตาส์
นอกจากนี้ ข้าวสาลีในฝั่งยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนผลผลิตถึง 1 ใน 5 ของโลก ยังได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยอังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี ได้รับผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 36 ปีเป็นอย่างน้อยที่สุด ส่วนเทรดเดอร์กล่าวว่า ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อาจมีผลผลิตลดลง 12% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้านตลาดถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามราคาพลังงานที่สูงขึ้น โดยสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ และทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวานนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน