ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ราคาสัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสภาพอากาศที่รุนแรงในสหรัฐและยุโรปอาจทำให้พื้นที่การเพาะปลูกลดลง ขณะที่ถั่วเหลืองก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 7.455 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ค.พุ่ง 18 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 8.145 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 7.75 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดที่ 13.8475 ดอลลาร์/บุชเชล
ราคาข้าวโพดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากความวิตกที่เพิ่มของนักลงทุนต่อสภาพอากาศในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ เนื่องจากฝนที่ตกในรัฐอินเดียนาและโอไฮโอในสัปดาห์นี้ อาจทำให้พื้นที่การเพาะปลูกในปีนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งอย่างรุนแรงในสัปดาห์หน้าบ่งชี้ถึงภาวะที่ย่ำแย่ในการเริ่มต้นการเพาะปลูกธัญพืช
นายแดน เซคานเดอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยธัญพืชจากนิวเอดจ์ ยูเอสเอ แอลแอลซี กล่าวว่า "การ เพาะปลูกมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในรัฐ โอไฮโอ อินเดียนา มิชิแกน และ นอร์ธ ดาโกตา ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเรายังไม่แน่ใจว่าการเพาะปลูกพืชราว 15% ได้เสร็จเรียบร้อยไปแล้วหรือยัง"
"เรามีปริมาณข้าวโพดที่ตึงตัวมาก และเราไม่สามารถสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากไปได้" นายเซคานเดอร์กล่าวเสริม
ในขณะเดียวกัน การพยากรณ์สภาพอากาศบ่งชี้ว่า อาจมีฝนตกมากขึ้นในพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีของรัฐนอร์ธ ดาโกตาและแคนาดาในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจทำให้พื้นที่การเพาะปลูกข้าวสาลีในช่วงฤดูใบไม้ผลิต้องลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกระแสข่าวลือที่ว่า ผลผลิตของฝรั่งเศสได้ลดลงไปแล้วถึง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนยังเป็นปัจจัยหนุนต่อข้าวสาลีอีกด้วย
ด้านนายแดน บาสส์ ประธานบริษัท AgResource Company ในชิคาโก ได้ตั้งข้อสังเกตว่า "แนวโน้มการผลิตธัญพืชทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหา และความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานของตลาดอาจทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าหากว่าสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบันยังคงยืดเยื้อออกไปอีก" สำนักข่าวซินหัวรายงาน