สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมีรายงานว่า ผู้นำยุโรปกำลังพิจารณาการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่กับกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนสกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และยังสามารถชดเชยผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐด้วย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ในวันพุธที่ 8 มิ.ย.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 2.10% ปิดที่ 102.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ทะยานขึ้น 2.05 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 116.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า กรีซจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินครั้งใหม่จากกลุ่มผู้นำยุโรป หลังจากนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน กล่าวว่า ผู้นำยุโรปกำลังเร่งสรุปเรื่องมาตรการให้ควมช่วยเหลือครั้งใหม่กับกรีซ โดยเขาคาดหวังว่ากรีซจะได้รับความช่วยเหลืออีกครั้ง พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซไม่ใช่ทางเลือกในขณะนี้
ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายยุงเกอร์ทำให้นักลงทุนคาดว่า กรีซจะไม่ต้องปรับโครงสร้างหนี้และไม่ต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ยังจะช่วยสกัดปัญหาหนี้ของกรีซไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นในยูโรโซนด้วย
ข่าวความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือกรีซยังช่วยลดผลกระทบของข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐด้วย โดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 60.8 จุดในเดือนพ.ค. จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 66.0 จุด เนื่องจากผู้บริโภคมองว่ายังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวแข็งแกร่งในระยะใกล้นี้
ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 20 เขตเมืองของสหรัฐปรับตัวลง 0.2% ในเดือนมี.ค.ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา และ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ หดตัวลง 0.9% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 83.6 จุด
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.6%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมกลุ่มโอเปคครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ หลังจากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปคอาจจะปรับเพิ่มโควต้าการผลิตในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้น